การขอ Consent จำเป็นแค่ไหน...แค่ Privacy notice เพียงพอแล้วหรือยัง 🤔
ในการปรับปรุงการดำเนินงานขององค์กรให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นเรื่องใหม่ที่ท้าทายองค์กรทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่อย่างศิริราชฯ หรือบริษัทเล็ก ๆ ก็ตาม
เพราะหนึ่งในสิ่งทำให้ผู้ปฏิบัติงานตัดสินใจลำบาก คือ
หน่วยงานหรือองค์กรของเราควรจะขออนุญาตเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทุกครั้งเลยหรือไม่ (Consent) หรือเพียงแค่แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ทราบว่าเราจะนำข้อมูลไปใช้ทำอะไร (Privacy Notice) ก็เพียงพอแล้ว?
ก่อนอื่น.. มาทำความเข้าใจบทบาทในเรื่องนี้กันให้ชัดเจนก่อนจะลงลึกไปยังการใช้งาน Privacy Notice และ Consent กันค่ะ ยกตัวอย่างของโรงพยาบาลศิริราช เมื่อพิจารณาบทบาทระหว่างคนไข้กับโรงพยาบาล คนไข้ที่มาเข้ารับบริการ จะมีบทบาทเป็น 'เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject)' ส่วนโรงพยาบาลที่เก็บข้อมูลการรักษาของคนไข้เอาไว้ ถือว่าเป็น 'ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)' ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีสิทธิในข้อมูลนี้ตามขอบเขตที่กฎหมายบังคับไว้
องค์กรในฐานะที่เป็น 'ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล' นั้น ...สิ่งสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ “การแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว” ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ และวิธีการที่องค์กรจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลนั้น ในทุกกรณี แต่สำหรับ "การขอความยินยอม (Consent)" ในการประมวลผลข้อมูลนั้น องค์กรจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ว่ากิจกรรมใดต้องขอความยินยอม หรือกิจกรรมใดที่มีฐานทางกฎหมายเข้ามารองรับวัตถุประสงค์ของกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอีก
วันนี้เราจึงขอพาผู้อ่านมาทำความรู้จัก ประกาศแจ้งความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) และ ฐานความยินยอม (Consent) เพื่อให้เราค่อย ๆ ทำความเข้าใจความแตกต่างของทั้งสองอย่างนี้ และมีกรณีตัวอย่างคร่าว ๆ ที่ทางศิริราชฯ ใช้ Privacy Notice เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ หรือกรณีใดที่เราต้องใช้ทั้ง Privacy Notice และ Consent
ประกาศแจ้งความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
ตามมาตรา 23 พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 การประกาศแจ้งความเป็นส่วนตัว หมายถึง การแจ้งแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน หรือขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับภาพรวมในการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของตน ซึ่งเป็นหนึ่งในหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะต้องแจ้งแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทุกกรณี (ไม่ว่าจะมีกิจกรรมการประมวลผลฐานกฎหมายใดก็ตาม)
และกฎหมายยังระบุว่าการประกาศแจ้งความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Checklist การประกาศแจ้งความเป็นส่วนตัว (Privacy notice)
- วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคล
- ผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญา หรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา
- ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
- ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
- ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเปิดเผย รวมถึงกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเปิดเผยไปยังต่างประเทศ (ถ้ามี)
- วิธีการติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- วิธีการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและตัวแทน (Data Protection Officer) (ถ้ามี)
- สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตาม PDPA
ภาพที่ 1 แสดงตัวอย่างประกาศแจ้งความเป็นส่วนตัว (Privacy notice)
แล้วฐานความยินยอม (Consent) ให้ประมวลผลข้อมูล คืออะไร?
ตามมาตรา 19 พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 การขอความยินยอมในการประมวลผลข้อมูล จะนำมาใช้ต่อเมื่อ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถหาฐานทางกฎหมายอื่นใดตามพระราชบัญญัติฯ มารองรับกิจกรรมประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้อีก
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล จึงต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในการประมวลผลข้อมูล
ดังนั้น "การขอความยินยอม" จึงเป็นฐานกฎหมายทางเลือกสุดท้ายที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะหยิบมาใช้
ซึ่ง “ฐานความยินยอม” ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จะแตกต่างกับ “การยินยอม” ก่อนเข้ารับหัตถการ การผ่าตัด หรือยอมเข้าเป็นอาสาสมัครหรือผู้เข้าร่วมวิจัยในโครงการวิจัย เป็นต้น
และตามกฎหมายแล้วฐานความยินยอม (Consent) ต้องมีเงื่อนไขหรือองค์ประกอบในการขอความยินยอม ดังต่อไปนี้
Checklist ฐานความยินยอม (Consent)
- ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่มีบทกฎหมายอื่นที่บัญญัติให้กระทำได้
- ต้องให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง (Clear affirmative action) อาจทำเป็นกระดาษ หรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่น ๆ เช่น ขอความยินยอมผ่านทางโทรศัพท์ แต่แนะนำให้ใช้วิธีที่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ
- ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในการขอความยินยอม
- ต้องให้อิสระ (Freely given) แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการให้ หรือไม่ให้ความยินยอม
- การขอความยินยอมต้อง แยกต่างหาก จากเงื่อนไขในการให้บริการ
- ต้องแยกส่วนการขอความยินยอมออกจากข้อความอื่นอย่างชัดเจน มีแบบหรือข้อความที่เข้าถึงได้ง่ายและเข้าใจได้ ใช้ภาษาที่อ่านง่าย และไม่หลอกลวง หรือทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใจผิดในวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูล
- ต้องให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถถอนความยินยอมได้ง่ายเช่นเดียวกับการให้ความยินยอม และผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องแจ้งแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอมดังกล่าวด้วย
- ใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่สามารถหาฐานทางกฎหมายอื่นใดมารองรับการประมวลผลข้อมูลนั้นได้
ภาพที่ 2 แสดงตัวอย่างแบบฟอร์มขอความยินยอม (Consent Form)
สรุปความแตกต่างในการใช้งาน Privacy Notice และ Consent
ภาพที่ 3 แสดงความแตกต่างในการใช้งาน Privacy Notice และ Consent
ตัวอย่างการใช้งาน Privacy notice VS Consent
ภาพที่ 4 แสดงตัวอย่างการใช้งาน Privacy notice และ Consent
โดยสรุป สิ่งที่องค์กรต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องจัดทำขึ้น สำหรับทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล นั่นคือ “การแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว” ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบถึงวัตถุประสงค์และวิธีการที่องค์กรต่าง ๆ จัดการกับข้อมูลของเรา แต่ "การขอความยินยอม" ในการประมวลผลข้อมูลนั้น องค์กรจะต้องพิจารณาให้ได้ว่า กิจกรรมนั้น ๆ มีฐานทางกฎหมายเข้ามารองรับวัตถุประสงค์ของกิจกรรมดังกล่าวได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอีกหรือไม่ หากไม่มีฐานกฎหมายใดรองรับในกิจกรรมนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท้ายที่สุดนี้ ทีม Data Governance ของ SiData+ ได้ขับเคลื่อนโครงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ภายในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เช่น การทำ Privacy notice ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และการเปิดให้มีกระบวนการและเอกสารขอใช้สิทธิ ที่เกี่ยวข้องกับจัดการคำร้องขอในการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject) โดยสามารถเข้ามาศึกษาได้ที่ si.mahidol.ac.th/data/en/privacy
ผู้เขียน
ปิย์ญาพร กิวสันเที๊ยะ, นิติกร
วิศรุต โพธิ์ศรี, CIPP/E
บรรณาธิการ
ศศินิภา อุทัยสอาด
ตรวจทาน
ณัฐวุฒิ อดุลยานุโกศล, CIPM
ศศินา เถียรพรมราช
Subscribe to my newsletter
Read articles from Piyaporn Kewsantia directly inside your inbox. Subscribe to the newsletter, and don't miss out.
Written by